2018 !! กับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วไม่มีจุดสิ้นสุดที่คาดการณ์ได้ ตอนที่ 1

2018 !! เรากำลังเผชิญหน้ากับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วไม่มีจุดสิ้นสุดที่คาดการณ์ได้

:: 2017 Year in Review and Mega Trend 2018 :: ตอนที่ 1

สวัสดีครับผู้ติดตามเพจ Baramizi ทุกท่าน สัปดาห์นี้ Future Trend by BaramiziLab ขอประเดิมเปิดต้นปีด้วยการเล่าสู่กันฟังถึงเทรนด์ภาพใหญ่ หรือ Mega Trend แนวโน้มใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อกระเพื่อมแห่งการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้ประจำปี 2018 ที่เราภาคธุรกิจจำเป็นต้องจับตาระแวดระวังไปพร้อมๆ กับการค้นหาโอกาสจากมันมีอะไรบ้าง มาไล่เรียงกันเลยครับ

ก่อนจะพาก้าวสู่ 2018 เราจำเป็นที่จะต้องรู้รากที่มาที่ไปของ Mega Trend กันก่อน และภาพรวมของปี 2017 เกิดอะไรขึ้นบ้างจนเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในปี 2018 ขึ้น ในการทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นหรือ Forecast อนาคตที่กำลังจะมานั้น เราจะศึกษา Issue สำคัญๆ ของโลกใบนี้ด้วยกัน 5 ประเด็นหลักๆ ที่เราเรียกว่า STEEP Framework ซึ่งประกอบด้วย Social / Technology / Environment / Economy / Political ถ้าเราติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง เราจะสังเกตว่าประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ ทุกอย่างจะเกิดขึ้นแบบมีสัญญาณเตือน เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปช้าๆ ซึมทราบซึมซับ ตอกย้ำหลายครั้งเข้าจนเราเริ่มเชื่อว่ามันเป็นแนวโน้มที่กำลังเดินทางมาจริงๆ จนเรายอมรับมันอย่างหมดใจในที่สุด…นี่คือคุณสมบัติของ Mega Trend

ถ้าเราเป็นผู้บริโภค…เราคง Follow Trend ที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปรอบๆ ตัวเราอย่างสนุกสนาน…แต่วันนี้เราเป็นภาคธุรกิจ…เราจะนอนรอมันเกิดขึ้นมาแล้วค่อยเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ เพราะโลกใบนี้มันไม่รอเรา วันนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะเรียนรู้เทรนด์ และทบทวนธุรกิจเพื่อออกแบบอนาคตให้กับการเติบโตของธุรกิจคุณ

– ในปี 2017 ที่ผ่านมา มี Agenda สำคัญๆ เกิดขึ้น ดังนี้ –

1. ปีแห่งการค้นพบ
อันที่จริงการค้นพบอะไรใหม่ทางวิทยาศาสตร์ในโลกใบนี้เกิดขึ้นแทบจะทุกวันโดยที่เราในฐานะผู้บริโภคแค่ยังไม่รู้ตัวเพราะการค้นพบเหล่านี้มันเป็นอะไรที่ต้นน้ำมากๆ มันยังไม่ผลิดอกออกผลมาให้เราจับต้องหรือซื้อหาได้ เราจึงไม่ค่อยรู้เรื่องไปกับเค้าเท่าไหร่ ปีที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยได้ค้นพบสิ่งสำคัญๆ ในหลากหลายหมวดหมู่ ทั้งด้านภูมิประเทศ​ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสุขภาพ อาทิ
• ทวีปใหม่ – มีการค้นพบแผ่นดินทวีปใหม่ในมหาสมุทรแปซิฟิคตอนใต้
• ดาวเคราะห์ดวงใหม่ 7 ดวง โดย Nasa
• ค้นพบการก่อตัวของแร่ Gold และ Platinum ในจักรวาล
• ค้นพบวิธีการรักษามะเร็งแบบใหม่ด้วยการใช้เซลล์ของคนไข้เอง
• เกิดเครื่องมือ Body-scanning สำหรับทารกโดยเฉพาะทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการใช้งาน
• นักวิจัยเข้าใกล้ความสำเร็จในการวิจัยเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะของหมูเข้าไปในตัวคน
• Space X สามารถทดลองจนใช้ Recycle Rocket Booster ที่จะไม่ทำลายตัวเองได้สำเร็จ

ยังมีอีกหลายสิ่งที่นักวิจัยในโลกใบนี้กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อค้นคว้าและค้นพบมันเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทางพวกเราชาวโลก 2017 นี้นับได้ว่าเป็นปีที่ต้องจารึกผลงานหลายๆ อย่างที่จะต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของโลกของเราอย่างแน่นอนครับ

2. ภัยพิบัติจากธรรมชาติยังคงรุกรานอย่างต่อเนื่องในทุกจุดทั่วโลก
ผมเชื่อว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ผู้อ่านทุกท่านยอมรับไปโดยปริยายแล้วล่ะครับ ว่าโลกนี้ของเราไม่เหมือนเดิม เพราะเราได้รับข่าวสารถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศและภัยพิบัติแปลกๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อย้อนเช็คดูแล้ว ในปี 2017 ก็เกิดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น พายุ, น้ำท่วม, ดินถล่ม, ไฟป่า, แผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิด ด้วยการเติบโตของสื่อสังคมออนไลน์ที่เกิดการ Feed ข่าวอย่างรวดเร็ว และเข้าถึงในหลายๆ แง่มุม ทำให้เรารับรู้ข่าวคราวได้ถี่ขึ้น เข้าถึงจุดเล็กๆ ในเหตุการณ์ที่สะเทือนใจได้มากขึ้น สิ่งนี้ล่ะครับคือตัวกระตุ้นที่ทำให้ ‘โลกที่ไม่เหมือนเดิม’ มันถูกตอกย้ำและแทรกซึมเข้ามาในจิตใจของเรามากขึ้นและต้องยอมรับว่าลึกๆ แล้วเราทุกคนก็กลัว แต่ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน

3. การเมืองสั่นไหว เชิญชวนให้พวกเรารู้สึกตื่นตระหนกเล็กๆ ในความไม่แน่นอน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้นำคนสำคัญของโลกที่เราต้องคอยเฝ้าสังเกตนโยบายที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของเขา คือสหรัฐอเมริกา ในปี 2017 นี้ ผู้นำคนสำคัญได้มีการประกาศกฎและระเบียบอะไรใหม่ๆ ที่กระทบต่อความเชื่อและความร่วมมือในระดับสากลในหลายๆ ประเด็นด้วยกัน โดยเฉพาะประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ การยกเลิกมาตรการควบคุมสิ่งแวดล้อม, การช่วยเหลือผู้ลี้ภัย, การ Walk Away จากข้อตกลง Paris Climate Agreement และอื่นๆ ที่ส่อให้เห็นว่าจะเกิดปัญหาที่สั่นคลอนความร่วมมือของชาติต่างๆ ยังทำให้เราต้องจับตาต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือผลลัพธ์ของสิ่งที่ได้ประกาศไปแล้วในปีที่ผ่านจะเป็นอย่างไร ประกอบกับการกวนน้ำให้ขุ่นของผู้นำเกาหลีเหนือที่สร้างความปั่นป่วนมวนท้องให้เราต้องติดตามว่าเกิดสงครามอะไรหรือไม่ และการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นเป็นระลอกๆ ไม่หายจากไป เหล่านี้เป็นสภาวะความไม่แน่นอนที่กระทบกับการวาดฝันถึงอนาคตของเราแบบเบาๆ และคงต้องจับตากันต่อไปโดยวางใจอะไรไม่ได้

4. กระแสสังคมที่กระหึ่มขึ้นมาต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศ
ในปีที่ผ่านมาด้วยการเติบโตของ Social Media ที่ทำให้อำนาจของสื่ออยู่ในมือประชาชน ข่าวต่างๆ ที่เคยถูกปกปิดก็เปิดเผยได้ง่ายขึ้นเพราะเรามีหมู่มวลสังคมโลกที่พร้อมจะยืนหยัดอยู่ข้างความถูกต้อง ในปี 2017 นี้ข่าวของบรรดาผู้ชายที่มีสถานะทางสังคมในระดับประเทศหลายคนถูกเปิดเผยถึงการประพฤติปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมต่อเพศหญิงตั้งแต่ด้วยวาจา จนไปถึงการกระทำที่หลากหลายระดับความรุนแรง จนเกิดการปลุกกระแส ที่มีผู้หญิงที่มีชื่อเสียงบางคนออกมาตีแผ่เรื่องราวของตนเองด้วย Hashtag #MeTooทำให้เกิดการปลุกกระแสความกล้าหาญในตัวของผู้หญิงทั้งโลกที่เผชิญกับชะตากรรมเดียวกันกล้าที่จะออกมาแบ่งปันเรื่องราวไปด้วยกัน ปี 2017 จึงนับเป็นปีที่เรื่องราวทางสังคมที่ในความเป็นจริงมันรายล้อมอยู่รอบตัวเราและฝังรากลึกมานานแต่ถูกกระตุกให้สังคมหันมาให้ความสำคัญ ให้ความสนใจ และไม่หลับหูหลับตามองข้ามและยอมรับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้นและช่วยอะไรไม่ได้อีกต่อไป

5. ปีแห่งการประกาศล้มละลายของหลายแบรนด์ดัง (USA) ที่หลายแบรนด์มีสาขาไปทั่วโลกในกลุ่มธุรกิจรีเทล
การเติบโตของ E-Commerce ที่เราในฐานะผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายและประสบการณ์แห่งการให้บริการที่ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราติดใจและใช้ต่อเนื่อง พฤติกรรมบางอย่างของเราจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปจนส่งผลต่อผลประกอบการของแบรนด์เหล่านี้ เป็นที่มาที่ปี 2017 นี้มีรายงาน Retail Brand ชื่อดังอย่างน้อย 15 แบรนด์ ที่ออกมายอมรับว่าไปต่อในโมเดลธุรกิจแบบเดิมไม่ไหวอีกต่อไปด้วยการเติบโตของ Amazon ทำให้ Traffic ของคนที่มาเดินห้างในโลกออฟไลน์ลดลง ซึ่งจากรายงานบางแบรนด์​ก็ทำการลดจำนวนสาขาที่ไม่ทำกำไรลง บ้างก็ปิดตัวไปเลย บ้างก็มีผู้ลงทุนรายใหม่เพื่อเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ แบรนด์รีเทลที่ได้ออกมายอมรับนี้มีตั้งแต่ Brick-and-mortar Chain Store ร้านแฟชั่น อิเล็กทรอนิกส์ ของเล่น ไปจนถึงห้างสรรพสินค้า เช่น Toy ‘R’ Us แบรนด์ของเล่นชื่อดัง, Gymboree แบรนด์ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก, Radio Shack และ Hh gregg ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, The Limited, RUE 21, True Religion, Wet Seal, BCBG Max Azria, Payless ShoeSource กลุ่มแบรนด์ร้านขายแฟชั่นเสื้อผ้าและรองเท้า, Perfumania ร้านขายน้ำหอม, Vitamin World ร้านขายอาหารเสริม, Gordman’s Stores ห้างสรรพสินค้าในสหรัฐอเมริกา เหล่านี้ไม่ใช่จุดจบของความเคลื่อนไหวนี้ แต่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น…ในปี 2018 นี้น่าจะยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ยื้อต่อไปไม่ไหวและประกาศตามมาอีกไม่น้อย สิ่งที่ภาคธุรกิจบ้านเราต้องเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้คือ เคสที่ปรับตัวแล้วประสบความสำเร็จเขาทำกันอย่างไร และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมีอะไรที่คุณต้องรู้บ้าง

เหล่านี้คือความจริงที่เกิดขึ้น และกระทบจิตใจของเรา บ้างก็กระทบให้เรารู้สึกมีส่วนร่วมต้องทำอะไรสักอย่างในฐานะผู้บริโภค บ้างก็กระตุ้นเตือนให้ต้องจับตามอง บ้างก็กระตุกให้ต้องคิดว่าเราต้องวางแผนอนาคตที่จะเปลี่ยนถ่ายธุรกิจแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ส่งผลอะไรต่อ Mega Trend 2018 บ้าง..เราจะมาติดตามเรียนรู้ไปด้วยกันในสัปดาห์หน้าครับ

Credit:
www.aol.com
www.forbes.com
www.trendwatching.com