MUJI 5 ปีที่ตลาดเวียดนาม | กลยุทธ์ Road to Global Brand MUJI (มูจิ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นด้วยปรัชญา "No-Brand Quality Goods" หรือ "สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มีแบรนด์" ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ประโยชน์ใช้สอยและความยั่งยืน การเดินทางสู่ตลาดต่างประเทศของ MUJI ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปิด สาขา แต่เป็นการปรับตัวและสร้างความเข้าใจในตลาดท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในตลาดเวียดนามที่ถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของแบรนด์

ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การที่แบรนด์จะเติบโตและยั่งยืนได้นั้น การขยายตลาดจาก “ไทยไปต่างประเทศ” หรือการก้าวสู่การเป็น Global Brand ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ท้าทายแต่ก็เต็มไปด้วยโอกาส ซึ่งต้องอาศัยกลยุทธ์ที่เฉียบคมและรอบด้านในเส้นทางการเป็น Global Brand นี้ มีแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่สามารถเป็นกรณีศึกษาชั้นดี นั่นคือ MUJI (มูจิ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นด้วยปรัชญา “No-Brand Quality Goods” หรือ “สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มีแบรนด์” ซึ่งเน้นความเรียบง่าย ประโยชน์ใช้สอย
และความยั่งยืน

การเดินทางสู่ตลาดต่างประเทศของ MUJI ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปิดสาขา แต่เป็นการปรับตัวและสร้างความเข้าใจในตลาดท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะใน ตลาดเวียดนามที่ถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของแบรนด์

ทำไมต้องเวียดนาม? สภาพตลาดที่เอื้อต่อการเติบโต
ก่อนที่เราจะเจาะลึกกลยุทธ์ของ MUJI การทำความเข้าใจภาพรวมตลาดค้าปลีกของเวียดนามในช่วงก่อนที่ MUJI จะเข้าสู่ตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญ ตลาดเวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักคือ:
• ประชากรวัยหนุ่มสาว: เวียดนามมีสัดส่วนประชากรวัยหนุ่มสาวสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ
• ชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น: การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องส่งผลให้ชนชั้นกลางมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำลังซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์และของใช้ในบ้านที่มีคุณภาพมากขึ้น
• การขยายตัวของเมือง (Urbanization): ประชากรจำนวนมากย้ายเข้ามาอาศัยในเมืองใหญ่ ทำให้เกิดความต้องการสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง ด้วยสภาพตลาดที่เอื้ออำนวยเช่นนี้ เวียดนามจึงกลายเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ค้าปลีกจากต่างประเทศ รวมถึง MUJI ที่เล็งเห็นโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ

MUJI เข้าตลาดเวียดนามด้วยกลยุทธ์แบบไหน?
MUJI เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีประวัติการ “ปรับกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด” แตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศเสมอ จุดแข็งของ MUJI ไม่ใช่เพียงสินค้า แต่คือการสร้าง “ประสบการณ์และปรัชญา” ที่สะท้อนความเรียบง่าย คุณภาพ และความยั่งยืน ดังนั้นวิธีการเลือก Entry Mode Strategy จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้แบรนด์รักษาเอกลักษณ์ได้ใน
ทุกที่ที่ไป

สำหรับตลาดเวียดนาม MUJI เลือกใช้ Wholly-Owned Subsidiary หรือการตั้งบริษัทลูกที่ถือหุ้น 100% โดยตรง แนวทางนี้ทำให้บริษัทควบคุมทุกมิติได้เอง ตั้งแต่กลยุทธ์ การบริหาร ไปจนถึง Customer Experience ในร้านค้า
ซึ่งแตกต่างจากหลายประเทศในเอเชียที่ MUJI ใช้ Joint Venture (JV) เพื่ออาศัยเครือข่ายและความเชี่ยวชาญของพันธมิตรท้องถิ่น เช่น ประเทศไทย ที่ร่วมทุนกับเซ็นทรัล, ในฟิลิปปินส์ ร่วมกับ SSI, หรือใน เกาหลีใต้ ร่วมกับ Lotte รวมถึงใน อินเดีย ที่ร่วมกับ Reliance Retail ซึ่งการร่วมทุนช่วยให้ MUJI สามารถทำความเข้าใจตลาดและลดความเสี่ยงได้ดีขึ้น

แล้วทำไม MUJI ถึงเลือกเส้นทางที่ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเองในเวียดนาม?
1. การรักษาคุณค่าของแบรนด์ (Brand Value)
ปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า MUJI ไม่ได้ขายแค่ “ของ” แต่คือ “วิถีชีวิต” ซึ่งหมายถึงการส่งมอบแนวคิดเรื่องความเรียบง่าย, คุณภาพ, และความยั่งยืนผ่านสินค้าทุกชิ้นที่ลูกค้าได้สัมผัส ดังนั้น การควบคุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบสินค้า การจัดวางร้าน การอบรมพนักงาน ไปจนถึงการบริการลูกค้า จึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด เมื่อ MUJI มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ด้วยการตั้งบริษัทลูก พวกเขาสามารถ สร้าง
ประสบการณ์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานญี่ปุ่นได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็น
• การเลือกสินค้า: สินค้าทุกชิ้นในร้านจะผ่านการคัดสรรตามมาตรฐานของ MUJI
• การจัดร้าน: ร้านค้าจะถูกออกแบบให้มีบรรยากาศที่เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ
เหมือนกันทั่วโลก
• การให้บริการ: พนักงานทุกคนได้รับการฝึกฝนให้เข้าใจปรัชญาของแบรนด์และให้การบริการตามมาตรฐานเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกค้าเวียดนามที่เข้ามาในร้าน MUJI รู้สึกได้ถึง “ความเป็น MUJI” อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นแก่นสำคัญในการสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
2. Local Production = Local Connection
• สินค้าที่ขายในเวียดนามกว่า 30% ผลิตในประเทศ
• หมวดเสื้อยืดและกระเป๋าเป้มีสัดส่วนสูงถึง 97–98%
สิ่งนี้ช่วย:
• ลดต้นทุนภาษีนำเข้าและโลจิสติกส์
• ทำให้ราคาสินค้าเข้าถึงได้มากขึ้น
• ตอกย้ำภาพแบรนด์ที่ “ยั่งยืนและผูกพันกับชุมชน”
3. เวียดนาม = Strategic Hub
ด้วยศักยภาพด้านแรงงานและซัพพลายเชน เวียดนามไม่ใช่แค่ตลาดผู้บริโภค แต่ยังเป็นฐานการผลิต ที่ MUJI สามารถใช้ต่อยอดสู่ภูมิภาคอาเซียนได้

MUJI สร้างการเติบโตในเวียดนามอย่างไร?
MUJI ไม่ได้เร่งขยายสาขาอย่างสะเปะสะปะ แต่ใช้แผนการเข้าสู่ตลาดที่วางไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน หรือที่เรียกว่า Go-to-Market Milestones ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความรอบคอบและวิสัยทัศน์ระยะยาวของแบรนด์:
Milestone 1: เปิดด้วย “Flagship Store” (Brand Awareness Launch)
• กลยุทธ์: เปิดสาขาแรกที่ Parkson Lê Thánh Tôn, HCMC ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นร้านที่ ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ เวลานั้น
• จุดประสงค์: ไม่ใช่แค่การขายสินค้า แต่คือการสร้าง “Showcase” เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจโลกของ MUJI ทั้งหมดในวันแรก ตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน ไปจนถึงอาหาร กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดลูกค้าและสร้างกระแสได้อย่างรวดเร็ว
Milestone 2: วางรากฐานดิจิทัล (E-commerce & Data Infrastructure)
• กลยุทธ์: เดินหน้าเปิด MUJI Online Vietnam และแอป MUJI Passport ควบคู่ไปกับการขยายร้าน
• จุดประสงค์: ไม่ใช่แค่ช่องทางการขาย แต่คือ “หัวใจสำคัญในการสร้างข้อได้เปรียบจากข้อมูล – Data Advantage” ด้วยการเก็บข้อมูลลูกค้าโดยตรง (First-Party Data) ทำให้ MUJI เข้าใจพฤติกรรมการซื้อ, สินค้าที่ได้รับความนิยมในแต่ละเมือง, และสามารถสื่อสารการตลาดได้ตรงจุดมากขึ้น
Milestone 3: เร่งสเกล (Multi-Channel Expansion)
• กลยุทธ์: ขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในโฮจิมินห์ และฮานอย ปัจจุบัน MUJI มีสาขารวมทั้งสิ้น 9 แห่ง ในเวียดนาม
• จุดประสงค์: ใช้ร้านขนาดกลางในห้างสรรพสินค้าหลักเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและสร้าง
ความครอบคลุมในตลาดอย่างรวดเร็ว
Milestone 4: ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ท้องถิ่น (Localization Strategy)
• กลยุทธ์: ขยายความร่วมมือกับผู้ผลิตท้องถิ่นอย่างจริงจัง เริ่มจากหมวดสินค้าที่เวียดนามมีความเชี่ยวชาญ (เช่น สิ่งทอและกระเป๋า)
• จุดประสงค์: ลดต้นทุนและราคาสินค้าให้แข่งขันได้ อีกทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ที่ “ยั่งยืนและใกล้ชิดกับชุมชน”

การที่แบรนด์อย่าง MUJI สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลกได้นั้น ไม่ได้มาจากแค่ตัวสินค้า แต่มาจาก Branding ที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกันทั่วโลก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและความจงรักภักดีของลูกค้า หากแบรนด์ไทยสามารถสร้างแบรนด์ของตนได้แข็งแกร่ง และมีกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดที่ยืดหยุ่นเช่นเดียวกับ MUJI การก้าวสู่การเป็น Global Brand ก็จะเป็นเส้นทางที่เข้าถึงได้จริงและมีโอกาสแห่งความสำเร็จที่สูงขึ้น

#MUJI #Globalbrand #Baramizi #Report #Branding #Brandtransform