Brand Transformation การทรานส์ฟอร์มแบรนด์ ช่วยยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันขององค์กรได้อย่างไร วันนี้ธุรกิจในประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับการเติบโตที่ต่ำของเศรษฐกิจ แต่ทำไมบางธุรกิจยังสามารถเติบโตต่อไปได้ และกลายเป็นโอกาสของบางแบรนด์ที่สามารถปรับตัวต้านทานอุปสรรคต่างๆ ได้ดี และสามารถสร้าง New S-Curve โอกาสใหม่ในการเติบโตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย วันนี้เราจะมาเล่าสู่กันฟังว่าแล้วในภาคธุรกิจเราควรต้องพิจารณาในการทรานส์ฟอร์มแบรนด์ตัวเองแล้วหรือยัง

วันนี้ธุรกิจในประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับการเติบโตที่ต่ำของเศรษฐกิจ แต่ทำไมบางธุรกิจยังสามารถเติบโตต่อไปได้ และกลายเป็นโอกาสของบางแบรนด์ที่สามารถปรับตัวต้านทานอุปสรรคต่างๆ ได้ดี และสามารถสร้าง New S-Curve โอกาสใหม่ในการเติบโตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย วันนี้เราจะมาเล่าสู่กันฟังว่าแล้วในภาคธุรกิจเราควรต้องพิจารณาในการทรานส์ฟอร์มแบรนด์ตัวเองแล้วหรือยัง

Brand Transformation คืออะไร ?
การทรานส์ฟอร์ม หรือ พลิกโฉมแบรนด์และธุรกิจไปด้วยกัน (เพราะแบรนด์คือคอนเซปต์ของธุรกิจไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์) ทั้งนี้เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงต่อเมกะเทรนด์ของโลกในด้านต่างๆ ในอนาคต ซึ่งหากแบรนด์ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทิศทางของธุรกิจปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของอนาคต จะมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดและกลายเป็นแบรนด์ที่ล้าสมัย พนักงานรุ่นใหม่ที่มีความสามารถก็จะไม่เดินเข้ามาในองค์กรของท่าน ซึ่งทำให้สูญเสียขีดความสามารถทางการแข่งขันขององค์กรและนำไปสู่รายได้ที่ตกลง กำไรที่หดหายนั่นเอง

Brand Transformation คือการปรับเปลี่ยนแบรนด์ในเชิงกลยุทธ์อย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่เปลี่ยนโลโก้หรือโฆษณา แต่เป็นการปรับทิศทางแบรนด์ (Purpose, Positioning, Identity) รวมถึงการเชื่อมแบรนด์เข้ากับโมเดลธุรกิจ การดำเนินงาน และการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เพื่อให้แบรนด์ “สอดคล้องกับบริบทสังคม/ตลาดปัจจุบัน” และสามารถขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาวได้

Why Brand Transformation ?
5 เหตุผลหลักที่ควรทำ Brand Transformation

1. แบรนด์และธุรกิจต้องปรับตัวในการตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
• การเปลี่ยน Gen ของผู้บริโภคที่มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อ
• ผู้บริโภคคาดหวังคุณค่าใหม่ (Sustainability, ESG, Experience)
• พฤติกรรมเปลี่ยนตามเทรนด์ เช่น ซื้อออนไลน์มากขึ้น สนใจแบรนด์ที่มีจุดยืน

2. แบรนด์และธุรกิจต้องรับมือการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
• ด้วยสภาพแวดล้อมทางระบบทุนนิยมเสรีทำให้การแข่งขันเปิดกว้าง ธุรกิจใหม่ๆ สามารถเข้าตลาดได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงมีคู่แข่งใหม่เข้าตลาดตลอดเวลาดังนั้นการสร้างความแตกต่างของแบรนด์ที่ดำรงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของแบรนด์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญขององค์กร

3. แบรนด์และธุรกิจต้องปรับให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
• AI, Digital Platforms, Social Media เปลี่ยนวิธีสร้างการรับรู้และต้องปรับแบรนด์ให้ทันดิจิทัล เช่น สร้าง Brand Experience บน Omnichannel

4. แบรนด์และธุรกิจต้องปรับให้มีการสร้างการเติบโตในตลาดใหม่ (New S-Curve)
• อุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงของโลกตามเมกะเทรนด์ จึงเกิดโอกาสใหม่ๆ ที่แบรนด์สามารถเข้าไปครอบครองตลาดได้ก่อนแบรนด์ที่ปรับตัวช้า
• เปิดทางเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ (เช่น Gen Z) หรือขยายตลาดต่างประเทศทำให้แบรนด์พร้อมเข้าสู่ Mass Market หรือ Premium Market ทั้งตลาดในประเทศและตลาดโกลบอลแบรนด์ต่อไป

5. แบรนด์และธุรกิจต้องปรับเพิ่มมูลค่าแบรนด์และความยั่งยืน
• แบรนด์ที่ทรานส์ฟอร์มได้ประสบความสำเร็จจนมีมูลค่า (Brand Equity) สูงขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้า นักลงทุน และพนักงานที่มีความสามารถอยากเข้ามาร่วมงานมากยิ่งขึ้น ยุคนี้ไม่ใช่การเติบโตแบบเหมาเข่งเหมือนสมัยก่อน คือเศรษกิจดี GDP ของประเทศเติบโตโดยรวมเราก็โตกันหมด แต่ยุคนี้จะเป็นแบบ K-Shape ใครปรับตัวเปลี่ยนแปลงได้ทันเวลาจะกลายเป็นโอกาส เป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของแบรนด์และธุรกิจนั้นๆ โดยทันที

วันนี้ธุรกิจของท่านวางแผนโครงการ Brand Transformation จริงจังหรือยังครับ !

#Baramizi
#BrandTransformation
#BrandTransformationการทรานส์ฟอร์มแบรนด์ช่วยยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันขององค์กรได้อย่างไร
#ReBrand