แคปเปอร์นิก ถูกมองว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มต่อต้านการเหยียดสีผิว ทำให้เพื่อนร่วมงานปฏิเสธจะเล่นกับเค้าและยังโดน Donald Trump ทวีตโจมตีระหว่างแคมเปญเลือกตั้งครั้งล่าสุด
แม้แบรนด์อื่นๆ จะถอนตัวจากเขา แต่ไนกี้ที่ให้การสนับสนุนเขามาตั้งแต่ปี 2011 ก็ยังเป็นแบรนด์ที่ยังคงให้การสนับสนุนเขาอยู่แบบเงียบๆ
Nike “Dream Crazy”
จัดทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของ แคมเปญ Just Do It โดยมีกำหนดแพร่ภาพครั้งแรกทางโทรทัศน์ ในเกมนัดเปิดสนาม NFL ระหว่าง ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ กับ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ จึงทำให้เกิดกระแสครั้งใหญ่กับแคมเปญนี้
เกิดกระแสต่อต้านจากคนที่คิดตรงข้ามออกมาโจมตีแบรนด์ Nike กันอย่างรุนแรง เช่น ใน Twitter มีการใช้
#Nikeboycott
มากกว่า 188.4 ล้านครั้ง จากการวิเคราห์ข้อมูลของ Brandwatch
แม้การเลือกข้างในครั้งนี้ของ Nike อาจจะได้รับผลกระทบในแง่ลบ แต่จริงๆ แล้วหลังแคมเปญ 10 วัน ราคาหุ้นของ Nike ขึ้นไปถึง 83.47 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น และยอดขายของ NIKE ผ่านทางออนไลน์ในช่วงวันหยุดแรงงานปีนี้ เติบโตขึ้น 31% จาก 17%
“Believe in something. Even if it means sacrificing everything.”
การแสดงจุดยืนในครั้งนี้ของไนกี้ถือว่าเป็นการขายแรงบันดาลใจที่เชื่อมั่นในศักยภาพของคน ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร เป็นคำขวัญและจุดยืนที่จะแตกต่างของบริษัท เพราะ Nike ไม่สามารถสื่อสารแบบ Mass ที่จะเข้าถึงทุกคนได้เหมือนเดิมอีกต่อไป