5S Growth Model
การเปลี่ยนเพื่อเติบโต
ธุรกิจขนาดใหญ่ทุกธุรกิจย่อมเคยเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กมาก่อน โดยองค์กรที่มีขนาดที่แตกต่างกันย่อมต้องการปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตที่แตกต่างกัน Baramizi Group ได้พัฒนาแบบจำลอง 5S ขึ้นมาเพื่ออธิบายถึงกลไกในการเติบโตขององค์กร และปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้องค์กรก้าวข้ามลำดับขั้นของการเติบโตจะเป็นองค์กรที่เข้มแข็งและยั่งยืน
1. ขั้นการก่อตั้งธุรกิจใหม่ (Start-up) ผู้ก่อตั้งบริษัทมีไอเดียความคิดเกี่ยวกับสินค้าใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของผู้บริโภคได้โดยที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบ ผู้ก่อตั้งธุรกิจต้องมีวิสัยทัศน์ กล้าเสี่ยง ความกระหายที่จะประสบความสำเร็จ (Passion) และองค์ความรู้ในการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลียนแบบไม่ได้
2. ขั้นการดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด (Survival) การผลักดันให้สินค้าหรือธุรกิจนั้นเป็นที่ยอมรับในตลาด โดยการมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถมารับผิดชอบงานเฉพาะด้านเหล่านั้น และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
3. ขั้นการอยู่ตัวของธุรกิจ (Stable) อัตราการเติบโตของธุรกิจจะเริ่มคงที่ สามารถจัดระเบียบการทำงานภายในให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น และค้นหาแนวทางที่จะทำให้ธุรกิจกลับไปเติบโตอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงธุรกิจเกิดใหม่ (Start-ups) ส่วนใหญ่มักติดอยู่ในลำดับขั้นนี้
4. ขั้นการขยายตัวของธุรกิจ (Scalable) ธุรกิจเริ่มกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายฐานลูกค้า หรือขยายขอบเขตธุรกิจ เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท พร้อมปรับปรุงโครงสร้างการทำงานเพื่อรองรับการขยายตัว
5. ขั้นการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustain) ขั้นสุดท้ายของวงจรการเติบโตธุรกิจ คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ ซึ่งหมายความว่าธุรกิจต้องมีความเป็นพลวัตร (Dynamics) พร้อมที่จะปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนไปได้
หากธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงธุรกิจเกิดใหม่ (Start-ups) ต้องการเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง ผู้บริหารจำเป็นต้องเข้าใจปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการเติบโตขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ตลอดจนแนวคิดการทำธุรกิจที่เป็นธุรกิจเกิดใหม่ (Start-ups) ซึ่งมีลักษณะเด่น คือ การเติบโตอย่างก้าวกระโดด และความยั่งยืนของธุรกิจ จากการปรับตัวของธุรกิจให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป