Hotel Trends 2020 แนวโน้มการออกแบบประสบการณ์โรงแรมประจำปี 2020

การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในเกือบทุกพื้นที่ทั่วโลก และเป็นปัจจัยเศรษฐกิจที่สำคัญของทุกประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย  ซึ่งธุรกิจโรงแรมถือเป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยว ประสบการณ์การที่ผู้พักอาศัยในโรงแรมเป็นประสบการณ์สำคัญที่จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว  โรงแรมไม่ใช่เพียงที่นอนพักแต่ต้องสร้างประสบการณ์พิเศษ น่าจดจำ และเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกวันนี้โรงแรมบางแห่งจึงไม่ใช่เพียงที่พักแรมที่นักท่องเที่ยวมาค้างคืนเพื่อเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยว แต่โรงแรมเองได้กลายเป็นจุดหมายปลายทาง (Destination) ที่นักท่องเที่ยวตั้งใจไปโดยเฉพาะ

Baramizi Lab ศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซ็ปต์แห่งอนาคตได้ทำการศึกษาแรงขับเคลื่อนและปัจจัยระดับมหภาคที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และค้นคว้ากรณีศึกษาโรงแรมเกิดใหม่จำนวนมากเพื่อศึกษาแนวโน้มและเรียบเรียงออกมาเป็น Hotel Trends 2020 แนวโน้มการออกแบบประสบการณ์ของโรงแรมประจำปี 2020 ซึ่งพูดถึงแนวโน้มการออกแบบ 7 ข้อสำคัญ ดังนี้

1. Panoramic Synergy
โรงแรมที่สร้างประสบการณ์ในการผสานพลังระหว่างคนกับธรรมชาติโดยสมบูรณ์

Driver สำคัญของเทรนด์นี้คือผู้คนเหน็ดเหนื่อยและเครียดจากปัญหาในชีวิตประจำวัน แล้วยังต้องแบกรับกับความกดดันจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลก ความเหนื่อยล้าทะลุผ่านร่างกายเข้าไปสู่จิตใจและจิตวิญาณ จึงเกิดความต้องการที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อ พักผ่อนและหนีจากความวุ่นวาย  ด้วยการผสานตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ปรับสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจ จนพร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตในโลกอีกครั้ง เทรนด์นี้มี Concept ที่สำคัญ 2 ข้อได้แก่

Concept 1: Seamless เข้าถึงธรรมชาติแบบไร้รอยต่อ

ตัวอย่างสอดคล้องกับแนวคิดนี้ได้แก่

โรงแรม Attrap’Rêves ในใจกลางป่าทางเหนือของเมืองมาร์แซย์ (Marseille) ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติของทุ่งหญ้าอันกว้างขวาง  โดยห้องพักที่จัดไว้ให้ จะเป็นโดมแก้วรูปฟองสบู่โปร่งใส สามารถมองเห็นได้จากทางด้านในและด้านนอก ซึ่งแขกจะได้สัมผัสธรรมชาติแบบ 360 องศา

 

Concept 2 : The Oasis สร้างระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น

โรงแรม ‘1 Hotel’ ที่เมือง Paris ที่อยากทำตัวเองให้เป็นปอดของเพื่อนบ้าน จึงสร้างป่าส่วนตัว และสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่เป็นตัวเชื่อมระหว่างอาคาร พร้อมด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์บน Facade อาคาร

 

2. Absolute Serenity

โรงแรมที่สร้างประสบการณ์แห่งความสงบโดยสมบูรณ์ทั้งทางกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ

เช่นเดียวกับเทรนด์ Panoramic Synergy Driver สำคัญของเทรนด์นี้คือความเหนื่อยล้าไปถึงจิตใจและจิตวิญาณ จึงต้องการท่องเที่ยวเพื่อชำระจิตใจที่ยุ่งเหยิงให้บริสุทธิ์เหมือนเกิดใหม่ ด้วยการไปอยู่ในที่ๆให้ความสงบ ได้ทบทวนความคิดและจิตใจ จัดลำดับทางความคิดใหม่ พร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงอีกครั้ง Concept ที่สำคัญสำหรับเทรนด์นี้ ได้แก่

Concept 1 : Sanctuary Ray แสงแห่งการชำระล้าง ตัวอย่างสอดคล้องกับแนวคิดนี้ ได้แก่

โรงแรม Raya Heritage ที่เชียงใหม่บ้านเราเอง ตัวโรงแรมออกแบบแสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาในตัวอาคารผ่านต้นไม้ทำให้เกิดความสงบขึ้นในจิตใจ เหมือนได้ชำระบาป และใช้เสาเส้นตรงขนาดใหญ่ที่ตั้งตรงตระหง่านเรียงกันไปซ้ำๆ ช่วยจำลองบรรยากาศของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

Concept 2 : Isolate Hut กระท่อมน้อยในป่าใหญ่

โรงแรม Drop Box Hotel ในประเทศสเปน โรงแรมขนาดกระทัดรัดที่สามารถนำไปหย่อนได้ในทุกที่
สัมผัสวิวที่โรงแรมระดับ 5 ดาวก็ซื้อที่บริเวณนั้นไม่ได้ และความสงบจากสถานที่ที่คนอื่นยังเข้าไปไม่ถึง (Hidden Place)

3. Nature Trail

โรงแรมที่สร้างประสบการณ์ที่เหมือนเราได้ออกเดินทางและผจญภัยเพื่อศึกษาธรรมชาติ

เกิดจาก Driver สำคัญคือ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ, ความกลัวที่มีต่อภัยธรรมชาติ และการเสื่อมโทรมพังทลายของโลก (Distopia World) จึงเกิดเป็นความต้องการที่จะออกเดินทางเพื่อสำรวจและเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน สร้างโลกใบใหม่ที่เคารพชีวิตของทุกสรรพสิ่ง ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระท่ามกลางธรรมชาติที่ไม่เคยเห็น เทรนด์นี้มี Concept ที่สำคัญ 2 ข้อได้แก่

Concept 1 : New Contemplation พิจารณาโลกในมุมมองใหม่ ตัวอย่างที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ ได้แก่

ร้านอาหาร Under ที่ประเทศนอร์เวย์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้ผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยวใต้น้ำในรูปแบบใหม่ Under เป็นร้านอาหารที่ให้คุณซึมซับตัวตนเข้ากับระบบนิเวศทางทะเลของนอร์เวย์ ที่ซึ่งลมพายุจากทางใต้และทางเหนือพัดมาบรรจบกัน เกิดเป็นทะเลน้ำกร่อยที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ

Concept 2 : Nomad เข้าถึงธรรมชาติแบบนักเดินทางเร่ร่อน ตัวอย่างที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ ได้แก่

Stingray tree tent เต๊นท์ที่ช่วยให้คุณออกเดินทางไปอย่างไร้จุดหมาย ค่ำไหนนอนนั่น ไม่ต้องการความสบาย รับประสบการณ์ใหม่ ได้ศึกษาธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ได้ผจญถัย ทดสอบความรู้และร่างกายในการเอาตัวรอด

4. World-Shifters

โรงแรมที่ให้ประสบการณ์ในการลงมือทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นกว่าเดิม

เทรนด์นี้เกิดจาก ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การเสื่อมโทรมพังทลายของโลก (Distopia World) นำมาสู่ การแสดงจุดยืนทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงเกิดเป็นความต้องการที่จะออกเดินทางเพื่อลงมือทำให้โลกใบนี้ดียิ่งขึ้น แก้ปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวแบบไม่สร้างผลกระทบหรือลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และออกแบบกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อสังคมและได้ท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน (Voluntourism)

Concept 1 : Awareness สร้างการตระหนัก ตัวอย่างที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ ได้แก่

โรงแรม Svart ที่ประเทศนอร์เวย์เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการสร้างการตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อม ตัวโรงแรมมีแนวคิดช่วยลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น อาคารของโรงแรมสามารถผลิตพลังงานใช้ได้เอง ออกแบบให้แสงอาทิตย์ช่วยสร้างความอบอุ่นในอาคารในหน้าหนาวแทนการใช้เครื่องทำความร้อน ในขณะที่เข้าพักคุณจะถูกกระตุ้นให้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การที่คุณได้มองเห็นธารน้ำแข็งขั้วโลกที่หดหายไปจากในอดีต

นอกเหนือจากการตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อม โรงแรม Walled Off  ที่อยู่ที่เขต West Bank ในประเทศอิสราเอล เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการสร้างการตระหนักถึงประเด็นทางการเมือง ตัวโรงแรมตั้งที่อยู่ท่ามกลางพื้นที่สงครามกลางเมือง โดยที่ภายในตกแต่งด้วยศิลปะที่ล้อเลียนเสียดสีประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและสื่อในประเด็นดังกล่าว

Concept 2 : Social Support ได้ช่วยเหลือสังคมทันทีที่เข้าพัก ตัวอย่างที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ ได้แก่

โรงแรม Otera stay ในประเทศญี่ปุ่น ที่ทุกการเข้าพักในโรงแรม รายได้ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปช่วยแก้ปัญหาทางสังคมหรือช่วยส่งเสริมทางด้านวัฒนธรรมในพื้นที่ นี่เป็นความร่วมมือระหว่างวัดโชเดนจิและ Start Up ที่ชื่อว่า ShareWing ปรับโฉมเป็นที่พักเพื่อหารายได้เข้าวัด

5. Elsewhere

โรงแรมที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปยังสถานที่ที่ไม่มีอยู่ในโลกใบนี้

เทรนด์นี้เกิดจาก Driver สำคัญคือ ความ เหน็ดเหนื่อยและเครียดจากปัญหาในชีวิตประจำวัน เทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และการออกสำรวจทางอวกาศที่ก้าวหน้า สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้คนบางกลุ่มรู้สึกตื่นเต้นและกระหายที่จะออกเดินทางเพื่อพาตัวเองหนีออกไปจากโลกแห่งความจริงชั่วขณะ ด้วยการไปอยู่ในโลกอนาคต ดาวดวงอื่น หรือโลกในจิตนาการ

Concept 1 : Floating in Space ลอยล่องไปในอวกาศ ตัวอย่างที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ ได้แก่

โรงแรม FlyZoo ในเครือบริษัท Alibaba ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการออกแบบการบริการภายในโรงแรม ไปจนถึงการเป็นโรงแรมที่ไร้พนักงานที่เป็นคน 

Concept 2 : Black Magic ดินแดนแห่งมนต์ดำ ตัวอย่างที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ ได้แก่

โรงแรม The Mandrake ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ โรงแรมที่นำเสนอความลึกลับโดยผูกกับเรื่องราวปะรำปะรา หรือความเชื่อที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ เช่น กลุ่มฟรีแมนสัน มนุษย์หมาป่า ผีดูดเลือด

6. Instagramable

โรงแรมที่ให้ประสบการณ์เหมือนอยู่ในสตูดิโอถ่ายภาพ

การเติบโตของสังคม Social Network อย่าง Facebook และ Instagram กระตุ้นให้ผู้คนต้องการสร้างตัวตนในสังคม การได้รับการยอมรับจากผู้อื่น การท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่ให้บรรยากาศเหมือนสตูดิโอถ่ายภาพ เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์จากเพื่อนๆ ไปเที่ยวและได้ถ่ายรูปในที่สวยๆ หรือที่ที่กำลังเป็นที่นิยม

Concept 1 : Solarium Palettes จัดจ้านด้วยสีสู้แดด

The William Hotel ที่ New York โรงแรมที่แต่ละห้องจะเลือกใช้สีหลักเพียงสีเดียวและเป็นแม่สีที่โดดเด่นฉูดฉาดผสมกับสีขาวในการตกแต่ง จนอดที่จะเข้าไปยืนแล้วกดถ่ายรูปไม่ได้

Concept 2 : Catchy Monument อนุสาวรีย์เรียกเสียงแฟลช

Hard Rock Hotel ที่ฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โรงแรมแห่งแรกของโลกที่มีตัวตึกเป็นรูปทรงกีตาร์ ในยามค่ำคืนก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ตัวตึกจะถูกตกแต่งด้วยไฟ และเปลี่ยนลวดลายไปเรื่อยๆ สร้างความตื่นตาตื่นใจ เพื่อเป็นการเรียกรวมพลก่อนดนตรีจะเริ่มบรรเลง

อีกตัวอย่างหนึ่งของ Catchy Monument  ที่หลายๆ คนน่าจะเคยผ่านตากันมาบ้างกับภาพของบันไดเลื่อนที่ตกแต่งด้วยแสงไฟนีออนสีสะดุดตาที่โด่งดังมากๆ ใน Instagram กับ  “The Famous Escalators” ที่ออกแบบโดย Nikolas Koenig ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม Public Hotel ในเมือง New York

7. Extraordinary

โรงแรมที่ให้ประสบการณ์ที่เหนือธรรมดา
Driver สำคัญคือ การอพยพย้ายถิ่นฐาน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของหลากหลายชนชาติ และต้องการสร้างตัวตนที่แตกต่าง
จึงเกิดเป็นความต้องการออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อ สร้างเรื่องราวในชีวิตของตนเอง (My Story, My Journey) ที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนตัวตน แตกต่างแปลกใหม่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป หาแรงบันดาลใจใหม่ ปลุกพลังงานคนรุ่นใหม่ในร่างกาย และท้าทายความกล้า

Concept 1 : Activated ปลุกพลังให้ตื่นตัว

Nhow Hotel ที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ที่ใช้การสร้างบรรยากาศและประสบการณ์ที่กระตุ้นให้รู้สึกกระตือรือร้น (Active) เล่นกับการซ้อนกันของเส้นวงกลมเพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนกำลังกระโดดลงน้ำ (เปรียบได้กับการเกิดใหม่)

Concept 2 : Mad Max บ้าให้แหวก แปลกให้สุด

 The Collectionist Hotel ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่เปลี่ยนโรงแรมให้กลายเป็นของสะสม ที่ต้องกลับมาเก็บให้ครบทุกแบบทุกๆ คนเรื่องราวการเดินทางของตนเองที่แตกต่างกัน โรงแรมก็เป็นส่วนประกอบ หนึ่งในเรื่องราวนั้น จึงสมควรที่จะได้เลือกเส้นทางที่ตนเองชอบ และหลากหลายมากพอ

 

และนี่คือ 7 แนวโน้มในการออกแบบประสบการณ์โรงแรม ที่มีแนวคิดที่น่าสนใจซ่อนอยู่ถึง 14 แนวทาง หวังว่าบรรดานักคิดนักสร้างสรรค์ในภาคธุรกิจโรงแรมและการบริการ รวมถึงนักออกแบบจะสามารถนำไปใช้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับสร้างสรรค์โรงแรมใหม่ๆ ที่โดนใจนักท่องเที่ยวกันได้ไม่มากก็น้อย.