Segmentation_Baramizi_TalkToConsult

Segmentation Strategy Segmentation กลยุทธ์พื้นฐานที่มักถูกมองข้าม

ทำไมกลยุทธ์ Segmentation คือจุดเริ่มที่สำคัญในการกำหนดกลยุทธ์แบรนด์ตัวอื่นๆ ต่อไป ?

เพราะว่าการทำกลยุทธ์แบรนด์ที่ดีนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจลูกค้าตัวจริงของเรา โดยเฉพาะยุคสมัยนี้มีคู่แข่งขันมากมาย ธุรกิจสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้ทุกวัน ดังนั้นแบรนด์ของเราจึงจำเป็นต้องมี Super fans ตัวจริงของเรา โดยจุดเริ่มของการสร้าง Super fans นั้นเราต้องรู้ก่อนว่าลูกค้าเรามีกำลังซื้ออยู่ในระดับไหนของตลาด และคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกับเรานั้นเป็นใคร ?

หัวใจสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ Segmentation คืออะไร ?
1. เลี่ยง Red Ocena ควรกำหนดให้อยู่ในระดับที่เป็นตลาดที่มีการแข่งขันยังไม่มาก และหลีกเลี่ยงกับการไปชนกับระดับที่มีคู่แข่งจำนวนมากเกินไป
2. มีโอกาสเติบโต ควรกำหนดให้อยู่ในระดับที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตและมีเหมาะสมกับสถานการณ์ ของสภาพตลาดที่เราต้องการไป
3. มีความถนัดและมีทรัพยากรบุคลากรที่เข้าใจในระดับตลาดนั้นๆ ควรคำนึงถึงความถนัดของตนเองและทีมงาน เพราะแต่ละองค์กรมีความชำนาญและมีข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่สะสมมาเป็นองค์กรความรู้เฉพาะขององค์กร เท่าที่สังเกตองค์กรที่ประสบความสำเร็จมักจะมีการโฟกัสในระดับตลาดที่ตนเองถนัด เช่น แบรนด์ Ikea มีความชำนาญในตลาดระดับกลาง (Mediam) ก็สามารถขยายไปได้ทั่วโลกและมีมูลค่ามหาศาลได้

ระดับของกลุ่มเป้าหมายแบ่งเป็นกี่แบบ ?

ต้องบอกว่าเรื่องการกำหนดระดับแบบเป๊ะๆ นั้นไม่มีสูตรตายตัว ผมอาจให้เป็นมุมมองที่กว้างๆได้ 4 ระดับ
1. ระดับ Mass หรืออาจเรียกว่า Ecomomy
เป็นระดับตลาดที่มีฐานกว้าง มีกำลังซื้อต่ำเพราะเป็นผู้มีรายได้น้อยและหาเช้ากินค่ำ
มีรายได้ไม่แน่นอนดังนั้นในระดับนี้นั้นมักต้องการของที่ถูกและเป็นสิ่งจำเป็นหรือปัจจัยห้าในชีวิตประจำวัน (ปัจจัยห้าคือโทรศัพท์มือถือ)

2. ระดับ Medium
เป็นระดับตลาดที่มีกำลังซื้อระดับกลางและเป็นผู้ที่อาจพัฒนาไปเป็นผู้ที่มีรายได้ระดับสูงขึ้นไปมากขึ้น ซึ่งในระดับกำลังซื้อของกลุ่มนี้นั้นมักจะมาจากกลุ่มผู้ที่เป็นวัยทำงานที่มีรายได้รายเดือนที่แน่นอนมากขึ้น ดังนั้นโอกาสการขายในกลุ่มนี้ที่มีการสร้างรายได้แบบผ่อนจึงมักมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดยอดขายเติบโตต่อไปได้

3. ระดับ Premium
เป็นระดับตลาดที่มีกำลังซื้อในระดับสูงปานกลางเป็นผู้ที่มักจะมีรายได้ที่มากในระดับมีรายได้จากเงินเดือนที่สูง และมีเงินเก็บที่สามารถเลือกสินค้าและบริการที่ตรงกับรสนิยมของตนเองมากขึ้น ดังนั้นการสร้างแบรนด์ในตลาดนี้จึงมักขายเรื่องคุณค่าทางอารมณ์มากขึ้นตามไปด้วย

4. ระดับ Upper class
เป็นระดับตลาดที่มีกำลังซื้อในระดับสูงในระดับบนที่มักจะมีรายได้จากการทำธุรกิจที่มีรายได้มากจากกำไรและผลประกอบการที่ลงทุน ในกลุ่มนี้นั้นการสร้างแบรนด์นอกจากจะเป็นคุณค่าทางอารมณ์แล้วยังมีคุณค่าที่พิเศษคือการชอบเป็นของที่มีมูลค่าและเป็นสินทรัพย์ หรือของสะสมในระยะยาวได้ด้วยแม้จะต้องลงทุนมากหน่อยแต่ก็พร้อมจ่าย

หรือคุณอาจจะแบ่ง Segmentation ตามลักษณะทางจิตวิทยาก็ได้ เช่น ความชื่นชอบ, รูปแบบ Lifestyle หรืออาจได้จากกระบวนการทำวิจัย หรือการเก็บ Database ของลูกค้าก็ได้ครับ.