เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา MINISO ได้เปิดตัว ‘MINISO LAND’ สาขาแรกในประเทศไทย ณ สยามสแควร์ จุดหมายใหม่ของการชอปปิงที่ผสานดีไซน์แนว IP และประสบการณ์เชิงสร้างสรรค์ผสมความล้ำสมัยไว้ในที่เดียว ร้าน Flagship แห่งนี้นำเสนอสินค้ากลุ่ม IP กว่า 80% ของทั้งหมด สะท้อนทิศทางการยกระดับแบรนด์สู่การเป็น Global Retail Brand ที่ขับเคลื่อนด้วยอัตลักษณ์และประสบการณ์ระดับโลก แสดงถึงการยกระดับแบรนด์ครั้งใหญ่ที่จะก้าวสู่แบรนด์ร้านค้าปลีกระดับโลก (Global Brand Retail)

ภาพ https://www.brandbuffet.in.th/2025/10/miniso-land-officially-open-at-siamsquare-25-oct/
Road to Global Brand ของ MINISO มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อแบรนด์สามารถสร้างอาณาจักรค้าปลีกที่ขยายตัวกว่า 6,400 สาขาทั่วโลก และทำยอดขายสินค้าลิขสิทธิ์สะสม (IP Products) ทั่วโลกทะลุ 10,000 ล้านหยวน (กว่า 46,000 ล้านบาท) ในช่วง 8 ปีได้อย่างไร?
เบื้องหลังการขยายอาณาจักรของ MINISO คือกลยุทธ์ระดับโลกที่ออกแบบมาเพื่อพิชิตใจผู้บริโภคทุกมุมโลก ครั้งนี้เราจะถอดรหัสเส้นทาง Road to Global Brand ของ MINISO ผ่าน Framework 5S Growth Model โดยเฉพาะใน Stage 4: Scalable ช่วงเวลาที่แบรนด์ปลดล็อก “พลังแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด” ด้วยการใช้ IP เป็นกลยุทธ์ธุรกิจหลัก และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในโลกที่ไม่เคยหยุดเปลี่ยน
ทำความเข้าใจ Stage 4: Scalable ใน Framework 5S Growth Model
Stage 4 Scalable คือหมุดหมายสำคัญที่ธุรกิจก้าวเข้าสู่การ เติบโตขยายธุรกิจอย่างก้าวกระโดด องค์กรในขั้นตอนนี้ต้องอาศัยการจัดการภายในที่เป็นระบบ และการมีผลิตภัณฑ์/บริการที่ สามารถขยายและทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง หัวใจของการอยู่รอดใน Stage นี้ คือการสร้าง Sustainability หรือ การเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งมีลักษณะพิเศษอยู่ที่ Adaptability (ความสามารถในการปรับตัว) ให้เข้ากับเมกะเทรนด์และบริบทการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
• ลักษณะพิเศษ: Sustainability คือ Adaptability
• ปัจจัยสำคัญ: การมีทีม Manager ที่แข็งแกร่ง, วัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น, และแหล่งเงินทุน (Source of Fund) ที่พร้อมรองรับการลงทุนขนาดใหญ่
ก่อนจะ Scalable: ต้องมีการสร้างรากฐานที่มั่นคงใน Stage 3 (Stable) ก่อนการสร้างก้าวกระโดดของแบรนด์ครั้งใหญ่ของ MINISO ได้ใช้เวลาสร้างความมั่นคงใน Stage 3: Stable ผ่านการวางรากฐานทางธุรกิจที่สำคัญ
• รากฐานการขยายตัว: นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2013 MINISO ได้พิสูจน์ความสามารถในการขยายสาขาอย่างรวดเร็วไปกว่า 80 ประเทศ และมีร้านค้ามากกว่า 6,413 สาขาภายในปี 2023 ซึ่งตอกย้ำถึงความสำเร็จในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และการสร้าง ระบบการบริหารแฟรนไชส์ที่ได้มาตรฐาน
• การอ่านเกมตลาดล่วงหน้า: ในช่วงต้นปี 2020 คุณแจ็ค เย่ (Jack Ye) ผู้ก่อตั้ง MINISO ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า โดยเล็งเห็นถึง “การบริโภคที่ขับเคลื่อนด้วยความสนใจ (Interest-Driven Consumption)” ว่าเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการบริโภคในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าการตอบสนองความต้องการทางอารมณ์จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนของ การปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบททางการแข่งขัน ก่อนการเข้าสู่ Stage 4 อย่างเป็นทางการ

การถอดรหัส MINISO ใน Stage 4: Scalable (2016 – ปัจจุบัน)
MINISO ได้ใช้ “Super IP Strategy” และ “Super Store Model” เป็นโมเดลธุรกิจหลักในการก้าวสู่ Stage 4 ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน โดยเริ่มจากการวางรากฐานกลยุทธ์ IP ในปี 2016
1. Super IP Strategy: โมเดลสินค้าที่ขยายและทำซ้ำได้ทั่วโลก (The Global IP Engine)
กลยุทธ์นี้ได้กลายเป็น Global Growth Engine ของ MINISO โดยสร้างสินค้าลิขสิทธิ์ใหม่กว่า 10,000 รายการต่อปี ทำยอดขายสะสมสินค้ากลุ่ม IP กว่า 10,000 ล้านหยวน (ประมาณ 46,000 ล้านบาท) และยอดขายรวมมากกว่า 800 ล้านชิ้นทั่วโลก หัวใจของการขยายธุรกิจ (Scalability) อยู่ที่การมีโมเดลที่สามารถ “ทำซ้ำและขยายได้จริง” ในทุกตลาดทั่วโลก และ MINISO ได้วางกลยุทธ์ “Super IP Strategy” ขึ้นเพื่อเป็นกลไกหลักในการสร้างความได้เปรียบเชิงโครงสร้าง (Structural Advantage) ให้กับธุรกิจ IP-Driven Product Model
MINISO ได้ออกแบบแนวทางการเติบโตผ่าน “กลยุทธ์ขับเคลื่อนด้วยลิขสิทธิ์ (IP-Driven Growth)” โดยเปลี่ยนบทบาทจากร้านค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป สู่การเป็น Global IP Collection Store แบรนด์ร่วมมือกับกว่า 150 ลิขสิทธิ์ระดับโลก เช่น Marvel, Disney, และ Sanrio เพื่อสร้างคอลเลกชันสินค้าที่ผสาน “สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน” เข้ากับ “ประสบการณ์ทางอารมณ์” ของผู้บริโภค การสร้าง Emotional Value ผ่าน IP จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณค่าของแบรนด์ในระดับโลก
2. Source of Fund: การเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตเชิงกลยุทธ์ (Strategic Capital Expansion)
เมื่อโมเดลธุรกิจเริ่มเข้าสู่ระยะ “Scalable Growth” การเติบโตอย่างต่อเนื่องจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจาก “โครงสร้างเงินทุนที่มั่นคงและยืดหยุ่น” (Flexible Capital Structure) MINISO จึงได้วางแผนและดำเนินการระดมทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อเสริมพลังให้กับการขยายธุรกิจระดับโลกอย่างยั่งยืน
• ปี 2020: จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE)
• ปี 2022: เข้าจดทะเบียนเพิ่มเติมในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX)
การเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้งสองแห่ง ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อระดมทุน แต่เป็นการสร้าง “ความน่าเชื่อถือระดับโลก (Global Credibility)” และ “ความโปร่งใสขององค์กร (Corporate Transparency)” เพื่อยกระดับศักยภาพในการเจรจาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Global IP Brand รายใหญ่ รวมถึงการขยายเครือข่ายผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายในระดับสากล
3. Global IP Collection Store: โมเดลค้าปลีกที่ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์และอารมณ์ (Emotion-Driven Retail Model)
MINISO ไม่เพียงขยายธุรกิจด้วยสินค้าลิขสิทธิ์เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนา “รูปแบบร้านค้าและประสบการณ์ผู้บริโภค (Store Experience Model)” เพื่อสร้างมูลค่าทางอารมณ์ (Emotional Value) ให้กับแบรนด์ในทุกมิติ แนวคิด “Global IP Collection Store” ถูกออกแบบให้เป็นทั้ง ศูนย์กลางของ IP Experience และ เครื่องมือสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค (Consumer Engagement Engine) โดยเชื่อมโยงการออกแบบสินค้า การจัดวางร้าน และการสื่อสารแบรนด์เข้าด้วยกัน
1.Store Design & Experience:
MINISO ใช้แนวคิด “Immersive Retail Experience” โดยนำ IP มาสร้างโลกแห่งความสนุกและจินตนาการในร้าน เช่น “MINISO LAND” ที่เซี่ยงไฮ้และกรุงเทพฯ ซึ่งเปลี่ยนการชอปปิงให้กลายเป็นประสบการณ์เชิงบันเทิง (Retailtainment) ช่วยเสริมความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค
2. Channel Expansion & Localization:
แบรนด์ใช้โมเดลร้านค้าหลากหลายระดับ (7 Store Formats) ตั้งแต่ร้านขนาดเล็กจนถึง Flagship Store ขนาดใหญ่เพื่อให้สามารถปรับใช้ตามบริบทของแต่ละประเทศ รวมถึงการเปิดตัว MINISO FRIENDS ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Gen Z สร้างการสื่อสารที่ทันสมัยและตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่
3. Strategic Store Management:
การสร้างระบบบริหารจัดการร้านค้า (Retail Governance Model) ที่ชัดเจนและยืดหยุ่น ทำให้แบรนด์สามารถควบคุมคุณภาพและเอกลักษณ์ของร้านได้แม้จะขยายสาขาอย่างรวดเร็ว นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตในระยะ Scalable
เส้นทาง Road to Global Brand ของ MINISO แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จระดับโลกไม่ได้เกิดจาก “การขยายสาขาอย่างรวดเร็ว” เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก “ระบบกลยุทธ์ที่ขยายซ้ำได้ (Scalable System)” ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่าง Super IP Strategy, Strategic Capital Expansion, และ Global IP Collection Store Model

MINISO วางกลยุทธ์ให้ทรัพย์สินทางปัญญา (IP) เป็นหัวใจของธุรกิจ เปลี่ยนสินค้าให้กลายเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก (Global Product Platform) ที่สามารถทำซ้ำได้ในทุกประเทศ พร้อมยกระดับการจัดการทุนและโครงสร้างองค์กรให้สอดรับกับการเติบโตแบบยั่งยืน (Sustainable Growth) ในขณะเดียวกัน แบรนด์ยังสร้าง “อัตลักษณ์ทางอารมณ์ (Emotional Identity)” ผ่านประสบการณ์ค้าปลีกที่มีชีวิตชีวาและเข้าถึงง่าย ทำให้ MINISO ไม่ได้เป็นเพียง “ร้านขายของน่ารักราคาดี” แต่กลายเป็น Global Brand ที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้บริโภคทั่วโลก
#Miniso #Globalbrand #Baramizi #Branding #IPproduct #BrandStrategy
