สำหรับคนที่ท่องเที่ยวมารอบโลก คงมีมากกว่าหนึ่งทริปที่ยังคงอยู่ในความทรงจำอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะเป็นเพราะผู้คน วัฒนธรรม หรือสถานที่แปลกตา แต่แน่นนอนว่าก่อนการเริ่มต้นเดินทางทั้งหลายสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวอย่าง “สนามบิน” ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดที่สามารถสร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กัน ดังเช่นสนามบินชางงีของสิงคโปร์ ที่นอกจากจะโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ประสบการณ์ภายในสนามบินก็น่าตื่นตาตื่นใจ จนทำให้กลายเป็นสนามบินที่ดีที่สุดโลกในปี 2023 นี้
ประสบการณ์พิเศษ @Changi Airport
1. ระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ
สิ่งที่สร้างความน่ารำคาญให้กับนักเดินทางอันดับหนึ่งก็คงไม่พ้นการรอในแถวเช็คอินยาวเหยียด แต่ด้วยระบบ FAST (Fast and Seamless Travel) ของสนามบินชางงี ที่นักเดินทางสามารถเช็คอินด้วยเครื่อง Self Check-in ได้ด้วยตัวเองพร้อมๆกับมีพนักงานให้คำแนะนำไปด้วย โดยเมื่อเช็คอินแล้วก็จะได้ Boarding Pass และป้ายติดกระเป๋าเพื่อเอาไปฝากที่เครื่องฝากอัตโนมัติได้แบบง่ายๆ
แถมเมื่อจะผ่านโซน Immigration หรือผ่าน Gate ก็จะมีเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและไบโอเมตริกซ์ (Facial recognition and Biometric technology) ที่สามารถจับภาพของผู้โดยสารคู่กันกับข้อมูลในระบบได้อย่างแม่นยำจากข้อมูลที่ได้ตั้งแต่ Self Check-in ทำให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานคอยตรวจทีละคน นอกจากจะทำให้ระบบการจัดการมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดอุปสรรคด้านภาษา และลดการจัดเตรียมเอกสารหลายชุดที่หลายจุดตรวจ สร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้าได้มากขึ้นกว่าเดิม
2. เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสะดวกสบาย
ด้วยอาคารผู้โดยสาร (Terminal) กว่า 4 อาคาร การรองรับนักท่องเที่ยวกว่า 65.6 ล้านคนต่อปี และจะเพิ่มเป็น 135 ล้านคนต่อปีภายใน 2030 หลังจากสร้างอาคารที่ 5 นั้นคงไม่ง่าย นอกจากระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพแล้ว ด้วยจำนวนคนที่รอในสนามบินจำนวนมากแล้วความสะดวกสบายจึงเป็นสิ่งที่สถานที่นี้พยายามมอบให้ผู้คน
สิ่งอำนวยความสะดวกไม่มีเพียงอินเทอร์เน็ตฟรี ที่ชาร์จแบตเตอรี่ที่มีอยู่ทุกที่ หรือ Shuttle busให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเท่านั่น แต่แม้แต่การสั่งอาหารจากแต่ละร้านในสนามบินยังสามารถทำได้ผ่านระบบสั่งอาหาร ที่เพียงแค่เลือกร้าน เลือกเมนูและจ่ายเงินก็ไปนั่งรอในร้านโดยไม่ต้องมีพนักงานมารอออเดอร์ให้เสียเวลา นอกจากนี้ด้วยการระบาดของโควิด-19 สนามบินก็ยังมีการใช้หุ่นยนต์ทำความสะอาด เทคโนโลยีระบบกรองอากาศทันสมัยก็มีครบ
3. กิจกรรมคั่นเวลาระหว่างรอ
นอกจากเบื่อจากการนั่งรอ ทางสนามบินยังได้มีการยกสถานที่และบริการพิเศษต่างๆ เข้ามาไว้ในประสบกาณ์ของสนามบิน เพื่อสร้างความทรงจำที่ดีให้กับนักเดินทางทุกคนที่ได้ผ่านเข้ามางานสนามบินชางงีแห่งนี้ ทั้งโรงภาพยนตร์และบริการนวดฟรี รวมไปถึงห้องเล่นเกมสาธารณะและสวนน้ำที่ทุกคนสามารถเข้าไปเล่นได้ หรือจะช็อปปิ้งฆ่าเวลาที่อาคาร Jewel Changi Airport ที่ยกเอาศูนย์การค้ามาตั้งไว้ภายในสนามบินที่ทำเอา Duty Free แทบจะกลายเป็นเพียงร้านสะดวกซื้อ
และนอกจาก Jewel Changi Airport การเป็นศูนย์การค้าที่เป็นแหล่งรวมกิจกรรมฆ่าเวลาที่ได้กล่าวไปแล้ว สถาปัตยกรรมที่สวยงามของอาคารนี้ยังน่าตื่นตาตื่นใจจน ที่ภายในมียังมีน้ำตกฝีมือมนุษย์สูงกว่า 60 เมตร และสวนต่างๆมากมายให้เดินชม ไม่ว่าจะเป็นสวนผีเสื้อ สวนดอกกล้วยไม้ สวยกระบองเพชร พร้อมกับเพลงคลาสสิคที่คลอเป็นระยะ
หากใครอยากจะเดินชมแกลอรีของสนามบินแบบเรื่อยๆ ทางสนามบินก็ได้จัดไว้ให้ หรือสำหรับใครก็ตามที่มีเวลารอขึ้นเครื่องเกินกว่า 6 ชั่วโมง ทางสนามบินยังมีทัวร์ชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในสิงคโปร์แบบฟรีไม่คิดเงิน แถมยังมีรถคอยรับ-ส่งตลอดวัน
สรุป
เรียกได้ว่าตั้งแต่เหยียบสนามบิน ทุกจุดสัมผัสในสถานที่แห่งนี้ได้สร้างความสะดวกสบายและความเพลิดเพลินให้แก่นักเดินทาง ตั้งแต่ประสบการณ์การเช็คอินที่ง่ายดาย หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ทั่วสนามบินไปจนถึงกิจกรรมที่มีให้ทำระหว่างการรอขึ้นเครื่องที่มีหลากหลายซึ่งมีการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเป็นตัวหลักในการสร้างประสบการณ์ ทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมสนามบินชางงี จึงได้รับเลือกให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกตลอด 8 ปี เช่นเดียวกันกับปีนี้ที่ชิงตำแหน่งเดิมกลับมาหลังจากผ่านการระบาดของโควิด-19 มาได้แล้ว
………………………………………….
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :
https://aais.org.sg/wp-content/uploads/2019/10/ASV12N2-Feature-Smart-Airport-Changi.pdf
https://www.idemia.com/singapores-changi-airport-terminal-4-idemia-fast-and-seamless-travel