อุปสงค์ขนาดใหญ่ มูลค่าแบรนด์ก็ใหญ่ตาม
หัวใจในการเพิ่มมูลค่าแบรนด์ด้วยการค้นหาอุปสงค์ขนาดใหญ่ให้เจอนั้นต้องคิดอย่างไร? ต้องวางแผนอย่างไร? วันนี้ บารามีซี่ จะมาเล่าให้เข้าใจง่ายๆ ร่วมกัน
“สิ่งที่แบรนด์ในยุคนี้ต้องทำเป็นสิ่งแรกคือค้นหาอุปสงค์ขนาดยักษ์ใหญ่”
บ่อยครั้งพวกเรามักถูกสอนให้ไม่ต้องคิดการณ์ใหญ่ เอาแค่เท่าที่เราสบายใจ แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว ไม่ต้องใหญ่โตเหมือนใครเขา เชื่อไหมครับว่าผมก็เคยคิดแบบนี้ แต่ความคิดผมมาเปลี่ยนไปเมื่อผมได้บวชเรียนกับ พระอาจารย์พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตโต เป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยลืมเลยในชีวิต เมื่อได้ฝึกฝนสมาธิและเรียนหลักธรรม ผมพบว่าแท้จริงแล้วการที่เราคิดว่าแค่นี้พอไม่ต้องขวนขวายอะไรมาก คือเราคิดถึงแต่ตนเอง แต่ถ้าเราคิดถึงผู้อื่น คิดถึงคนทั้งประเทศไปจนถึงทั้งโลก ผมพบว่าเราควรเกิดมาเพื่อพัฒนาตนเองและใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ เฉกเช่น พระเจ้าอโศกมหาราชที่ท่านเสียสละสมบัติเพื่อสร้างวัดทั่วดินแดนชมพูทวีปจนทำให้ศาสนาพุทธถูกเผยแพร่ไปทั่วเป็นหลักให้มนุษย์ยึดถือในการดำเนินชีวิตที่ดีงามมาจนทุกวันนี้
การบวชเรียนครั้งนี้ ผมยังได้คำสอนมาอีกอย่างหนึ่งว่าเราเข้าใจคำว่าสันโดษผิด และเชื่อว่าหลายคนก็ยังเข้าใจผิด คิดว่าสันโดษคือการไปอยู่ป่าชีวิตไม่เอาอะไรอีกแล้ว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดมาก พระพุทธเจ้าสอนให้เราสันโดษในการเสพบริโภค แต่ไม่ให้สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย นั่นหมายถึงอะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์เป็นสิ่งที่ดีงามกับผู้อื่นนั้นให้ทำไปอย่างสุดความสามารถ ฝึกฝนพัฒนาตนเอง สู้สิ่งยาก และทำให้สิ่งดีดีขยายอาณาเขตครอบคลุมให้มากที่สุด เสมือนต้นไม้ใหญ่ยิ่งแผ่ได้กว้างใหญ่ก็ยิ่งเกิดร่มเงามากตามมาด้วย
ประโยคเด็ดที่หลวงพ่อให้โอวาทกับผมก่อนลาสิกขา คือ
จงออกไปทำตนให้ยิ่งใหญ่และดีงาม เพราะเมื่อเรายิ่งใหญ่เราจะมีกำลังในการทำประโยชน์ต่อโลกใบนี้ได้มาก
แนวคิดนี้ ได้เปลี่ยนความคิดและการดำเนินชีวิตผมไปหลายอย่างทีเดียวครับ และเชื่อไหมครับ หลักการนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจและการสร้างแบรนด์ได้อย่างยอดเยี่ยมครับ
การสร้างแบรนด์ให้เป็นสินทรัพย์ที่มูลค่ามหาศาลนั้นท่านต้องมีความคิดที่ยิ่งใหญ่เสียก่อน เพื่อให้ท่านนั้นมองไปได้ไกลแบบสุดๆ แนวคิดนี้เป็นแนวคิดสำคัญของความสำเร็จของแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Apple, อาลีบาบา หรือ เสียวหมี่
ผู้ก่อตั้ง เสียวหมี่ “เหลย จวิน” มีมุมมองต่อความสำเร็จของอาลีบาบาที่ใช้เวลาเพียงสิบห้าปี ก็สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก เป็นหุ้นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตัวหนึ่งก็ว่าได้ เหลย จวิน ได้บทสรุปที่เป็นสูตรสำเร็จแบบน่าคิดอยู่ 3 ประเด็น
- ต้องมีตลาดที่มีอุปสงค์เสมือนยักษ์ใหญ่
- ต้องมีทีมที่เข้มแข็ง
- ต้องมีกระแสเงินสดที่ไม่มีวันขาดมือ
สิ่งที่ แจ็ค หม่า มักทำหรือทุ่มเท คือ การให้ความสำคัญกับการค้นหาอุปสงค์ที่มีขนาดใหญ่ แล้วใช้เวลาทุ่มลงไปกับมันเต็มที่ นี่คือคุณสมบัติอย่างหนึ่งของนักธุรกิจสมัยใหม่
คนส่วนมากมักใช้เวลาในการมองแต่ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วแก้ให้มันผ่านไปวันวัน แต่สำหรับแจ็ค หม่าหรือผู้นำหลายๆ คน แม้กระทั่ง สตีฟ จ็อบส์ หรือ เหลย จวิน (ผู้ก่อตั้งเสียวหมี่) จะใช้การมองหาตลาดขนาดใหญ่เสมอ และพร้อมกับมองว่าอีกสิบปีข้างหน้าเราจะทำอะไร
ถ้าถามว่าทั้งสามข้อนั้น ข้อไหนสำคัญที่สุด เหลย จวิน บอกไว้ว่า ข้อแรก คือข้อสำคัญที่สุด เพราะเมื่อคุณพบอุปสงค์ที่ใหญ่คุณจึงมีโอกาสพบทีมที่ไว้ใจได้ เชื่อมือได้และ สร้างทีมที่แข็งแกร่งได้ในที่สุด แล้วสิ่งสุดท้ายที่ตามมาคือ แบงก์ก็จะให้เงินคุณกู้ หรือคนทั่วโลกก็พร้อมลงทุนไปกับคุณ กระแสเงินสดคุณก็จะไม่มีวันขาดมือ
สินทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ตัวแบรนด์ แต่คือคุณค่าของแบรนด์ที่ส่งผลที่เป็นประโยชน์ให้กับคนในโลกใบนี้ สำหรับผมแล้วแบรนด์ที่แม้มีคนรู้จักทั่วโลกทำเงินได้มากมาย แต่ถ้าทำร้ายมนุษย์ด้วยกันแบรนด์นั้นก็ไร้ค่า
ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าท่านประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เช่น เหลย จวิน หรือ แจ็ค หม่า แล้วท่านมีความคิดที่ต้องการจะสร้างประโยชน์ให้โลกใบนี้ เพื่อนมนุษย์จะมีความสุขมากแค่ไหน โลกจะน่าอยู่ขึ้นมากขึ้นขนาดไหน ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องคิดใหญ่เพื่อส่งมอบคุณค่าให้คนทั้งโลก เชื่อว่าพวกเราทำได้ครับ